วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568
เวลา 08.30 น. นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องในวันยุทธหัตถี ประจำปี 2568 โดยมี นางสาวพินยุดา แจ่มจันทร์ศรี แรงงานจังหวัดสมุทรสาครและเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และผู้นำภาคเอกชน ร่วมพิธีฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ บริเวณลานสาครบุรี ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร
วันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวัน วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วันยุทธหัตถี วันกองทัพไทย วันระลึกสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เสี่ยงพระชนม์ชีพต่อสู้อริราชศัตรูและทรง กระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะพระมหาอุปราชา และทรงกอบกู้เอกราชประกาศอิสรภาพจากการเสียกรุงครั้งที่ 1
วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับมังสามเกียดของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทยตามการคํานวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทยที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถีใน วันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 ตรงกับวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1593 หรือ พ.ศ. 2135
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระนเรศวร หรือ “พระองค์ดำ” เป็นพระราชโอรสใน สมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จ พระศรีสุริโยทัยและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) เสด็จ พระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2098 ณ พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงมีมีพระเชษฐภคินีคือ พระสุพรรณกัลยา มีพระ อนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับสมเด็จพระศรีสุริโยทัย ใน ขณะที่พระองค์ทรงพระเยาว์ พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่า ได้ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก และทรงขอสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปเลี้ยงเป็นพระราชบุตรบุญธรรมเพื่อเป็นตัวประกันที่หงสาวดี จนพระชนมายุได้ 15 พรรษา พระองค์จึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลก ในปี พ.ศ. 2098 ทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ณ เมืองแครง ประกาศอิสรภาพของชาติไทยโดยไม่ขึ้นกับพม่าอีกต่อไป และทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2133 ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์สุโขทัย สิริรวมการครองราชย์สมบัติ 15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา